เมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่มีอยู่เดิม หากธุรกิจในปัจจุบันไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ก็อาจถูกแทนที่ด้วยธุรกิจใหม่อย่างง่ายดาย นับว่า Digital Disruption เป็นทั้งโอกาสในการกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ให้กับธุรกิจ และอาจกลายเป็นอุปสรรคที่สร้างความเสี่ยงให้กับธุรกิจ หากธุรกิจไม่ได้วางแผนรับมือต่อคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ให้ดีมากพอ
.
การแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทุกธุรกิจต้องพยายามสร้างความแตกต่าง ลดต้นทุนในการดำเนินงาน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด เมื่อธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น การสร้างความสามารถในการแข่งขันผ่านปัจจัยเหล่านี้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น จึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ทั้งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัลกอริทึม (Algorithm) และระบบอัตโนมัติ เข้ามาช่วยวิเคราะห์และจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงพัฒนากระบวนการผลิต ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และปรับตัวให้สอดคล้องกับการพัฒนาของดิจิทัลอยู่เสมอ โดยอีกด้านหนึ่งของเทคโนโลยีก็ทำให้การทำธุรกิจท้าทายขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบสินค้าและบริการได้ มีทางเลือกในการซื้อมากขึ้นจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ และทำให้อำนาจถูกดึงมาอยู่ในฝั่งของผู้บริโภคมากกว่าฝั่งธุรกิจ
.
ด้วยปัจจัยดังกล่าว ลูกค้าจึงมีความคาดหวังต่อธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็ว (Speed) ความโปร่งใส (Transparency) รวมไปถึงด้านการออกแบบให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล (Personalisation) ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานให้มีความคล่องตัวสูง (Agile) และเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา คือการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งควรครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด ไปจนถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จะเห็ได้จากกรณีตัวอย่าง การเริ่มปรับตัวเข้าสู่เส้นทาง Digital Transformation ของ Huawei ในปี พ.ศ. 2557 โดยเริ่มจากการให้ความสำคัญไปที่ 3 ด้านที่ต้องมุ่งเน้น ได้แก่ ด้านกลยุทธ์ (Strategy) ด้านกระบวนการทำงาน (Process) และด้านเทคโนโลยี (Technology)
.
โดยด้านกลยุทธ์ Huawei มุ่งเน้นไปที่ความพึงพอใจของลูกค้า และการปรับเปลี่ยนวิถีการทำธุรกิจให้ทุกอย่างอยู่บนคลาวด์ (Cloud) ในด้านกระบวนการทำงาน Huawei ได้กำหนด 5 สิ่งที่มีร่วมกันเพื่อให้ทั้งองค์กรปฏิบัติงานในทิศทางเดียวกัน บนกระบวนการที่ชื่อว่า ROADS ซึ่งมีที่มาจาก Real time, On demand, All Online, DIY และ Social ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนการในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งสิ้น ท้ายที่สุด ด้านเทคโนโลยี ที่แน่นอนว่าต้องมีการปรับเปลี่ยน โดย Huawei ได้ทำการระบุเทคโนโลยีที่ใช้ในองค์กว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงดูวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI เพื่อช่วยทำงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ การใช้ Blockchain ในการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยมากขึ้น และการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อใช้ทรัพยากรข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
.
เมื่อการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การทำธุรกิจแบบยึดติดกับกระบวนการเดิม ไม่เตรียมตัวตั้งรับ และไม่พร้อมที่จะปรับตัว จึงไม่ใช่คำตอบสำหรับธุรกิจที่จะเติบโตได้ในปัจจุบัน หากแต่คือธุรกิจที่พร้อมยืดหยุ่นให้เข้ากับทุกสถานการณ์ เพื่อการอยู่รอด และเติบโตได้ดีกว่าเดิม
.
Analyzed by BRANDigest
.
Comments