เป็นเวลากว่า 150 ปี ที่ Nestle มุ่งดำเนินธุรกิจด้านอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนทั่วโลก มีหลายผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนยอมรับ และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เช่น นมตราหมี, ไมโล, คิทแคท, เนสท์กาแฟ, โกโก้ครันช์, หรือน้ำดื่มเนสท์เล่เพียวไลฟ์ แม้ในวันนี้ Nestle จะกลายเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จใน 191 ประเทศ และใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว แต่ Nestle ก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาการทำธุรกิจต่อ โดยความท้าทายถัดไปที่ได้ตั้งเป้าหมาย คือการเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value: CSV) ไม่ใช่เพียงกับผู้ถือหุ้น แต่รวมถึงกับสังคม เพื่อแสดงให้เห็นว่าธุรกิจสามารถเป็นพลังที่สำคัญ สู่การสร้างสิ่งที่ดีได้อย่างแท้จริง ภายใต้เจตารมณ์ในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต ซึ่งทำให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืน ควรสร้างคุณค่าภายใต้สามปัจจัยพื้นฐาน อย่างผลกำไร (Profit), ความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน (People) และสิ่งแวดล้อม (Planet) เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกับการสร้างโลกที่ดีกว่า
.
Nestle วางแผนในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสามกลุ่มเป้าหมายหลัก ภายในปี พ.ศ. 2573 กลุ่มแรกคือต่อกลุ่มผู้บริโภค โดยตั้งเป้าที่จะช่วยให้เด็ก 50 ล้านคน มีสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยการเสนอสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ และมีความหลากหลาย, สนับสนุนให้ผู้คนใช้ชีวิตในแบบที่ดีต่อสุขภาพ, รวมถึงการสร้างและแบ่งปันองค์ความรู้ด้านโภชนาการ ถัดมาคือชุมชน โดยตั้งเป้าในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชนที่มีความเกี่ยวข้องต่อการดำเนินธุรกิจของ Nestle กว่า 30 ล้านคน ด้วยการเสริมสร้างการพัฒนาชนบท สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและความหลากหลาย รวมถึงส่งเสริมการจ้างงาน ส่วนสุดท้ายคือต่อโลก Nestle มุ่งมั่นที่จะดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายที่จะไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจ ผ่านความใส่ใจต่อการใช้น้ำ การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยแผนการดังกล่าวมีการวางกรอบเวลาที่ต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย มีการดำเนินการในรายละเอียดว่าต้องทำอย่างไรบ้าง มีการรายงานผลการดำเนินการตามเป้าหมายแต่ละข้อทุกปี และอ้างอิงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDG) ทั้ง 17 ข้อ
.
สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม Nestle ยังเป็นบริษัทที่ร่วมลงนามใน ปฏิญาณ Business Ambition for 1.5°C ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งได้ออกมาเปิดเผยเป้าหมายที่สำคัญอีก 2 ประการที่แสดงถึงความมุ่งมั่น และความจริงจังกับการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม คือเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 และใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมในเดือนที่ผ่านมา คือการลงทุนกว่า 1,530 ล้านบาท เพื่อเปิดโรงงาน UHT ใหม่ ภายใต้แบรนด์ไมโล และนมตราหมี ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานที่เน้นด้านนวัตกรรม และความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยีเมมเบรนที่มาแทนลูกสูบ ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง ระบบการนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้ (Heat Recovery System) ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อลดการใช้พลังงาน เลือกใช้สารทำความเย็นที่ไม่ทำลายชั้นโอโซน และยังมีการวางระบบจัดการของเสีย และน้ำเสียจากการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก อย่างการนำหลอดกระดาษแบบโค้งงอได้มาใช้กับผลิตภัณฑ์ไมโล และลดปริมาณการใช้กระดาษลูกฟูกในการบรรจุสินค้าอีกด้วย
.
ส่วนของความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน Nestle ตอบสนองต่อกระแสการดูแลสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นของคนไทย และผู้คนทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ (HARVEST GOURMET) เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมอาหารจากพืช (Plant-based Foods) เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนและใยอาหารที่สมบูรณ์ ถูกทำขึ้นจากโปรตีนพืช เช่น พืชตระกูลถั่ว, แต่งสีธรรมชาติจากบีทรูทและแครอท, เนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำด้วยน้ำมันมะพร้าว มาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น เนื้อเบอร์เกอร์, เนื้อบดละเอียด, ไก่ย่างรมควัน, ไก่ชุบเกล็ดขนมปัง และมีทบอล โดยในช่วงนี้ Nestle จะมุ่งเน้นที่การจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจร้านอาหาร และส่งมอบประสบการณ์ของของฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ลิ้มลอง เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีนี้เป็นต้นไป
.
เราจะเห็นได้ว่า Nestle ได้สร้างคุณค่าร่วมกันกับสังคมตั้งแต่ขั้นของชุดความคิด (Mindset) ด้วยความเข้าใจในการทำธุรกิจที่ยั่งยืนภายใต้สามปัจจัยพื้นฐาน ขั้นของการปฏิบัติ (Operation) ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ และนวัตกรรมมาปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีต่อสิ่งแวดล้อม จนไปถึงขั้นของการสื่อสาร (Communication) ที่ส่งเสริมให้ผู้คนใช้ชีวิตในแบบที่ดีต่อสุขภาพ นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย และมีแนวทางในการทำการตลาดที่น่าสนใจ นี่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่องค์กรต่าง ๆ สามารถเรียนรู้ เพื่อร่วมเป็นพลังที่สำคัญ สู่การสร้างสิ่งที่ดีแบบเดียวกันกับ Nestle และก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ดีกว่า ในที่สุด
.
Analyzed by BRANDigest
.
Comments