Leonardo Dicaprio นักแสดงผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะนักแสดง และผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม จนได้รับขนานนามว่า นักแสดงผู้ใจบุญ (Philanthropist) Leonardo เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 และโด่งดังจากบทบาท “Jack Dawson” ในภาพยนต์ Titanic ปี พ.ศ. 2540 ด้วยฝีมือการแสดงที่ได้รับการยอมรับ และความทุ่มเทในการทำงาน ทำให้เขาได้รับรางวัลมากมายจากผลงานการแสดง อย่างรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดราม่า และ รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ความสำเร็จจากการเป็นนักแสดงของ Leonardo ได้สร้างแรงบันดาลใจ และผลักดันให้เขาลงมือทำความดีเพื่อตอบแทนสังคม โดยดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศน์ จนได้รับเลือกให้เป็น United Nations Messengers of Peace หรือ “ตัวแทนแห่งสันติภาพ” โดยให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อน ในการประชุม Climate Summit ในปี พ.ศ. 2557 จากองค์การสหประชาชาติ
.
ในปี พ.ศ. 2541 หนึ่งปีภายหลังความสำเร็จจากภาพยนต์เรื่อง Titanic Leonardo ได้ก่อตั้งมูลนิธิ “The Leonardo DiCaprio Foundation (LDF)” แม้ในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 24 ปี โดยมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และปกป้องป่าทั่วโลก อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติให้อยู่ร่วมกันได้ โดยมูลนิธิของเขาจะเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ เช่น World Wildlife Fund และ Our Children’s Trust (OCT) นอกจากนี้เขายังได้สมทบทุนเงินเพื่อสนับสนุน United Nations Environment Programme และ International Fund For Animal Welfare อีกด้วย ซึ่งล่าสุดได้รวบรวมเงิน 20 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 603 ล้านบาทให้กับองค์กรกว่า 100 แห่ง เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่อาศัย ปกป้องชนพื้นเมือง และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลงานที่โดดเด่นของมูลนิธิ คือ การฟื้นฟูป่าในป่าชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก (Mata Atlântica) ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้พืชและสัตว์หายากกลับมาเติบโตได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังก่อตั้งองค์กร Earth Alliance ในปี พ.ศ. 2562 เพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมโลก เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือภัยภิบัติทางธรรมชาติ ร่วมกับ Laurene Powell Jobs ภรรยาของ Steve Jobs และ Brian Sheth นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ดำเนินการประสานงานเครือข่ายการช่วยเหลือการดับไฟป่าในประเทศออสเตเรีย อีกด้วย
.
ยิ่งไปกว่านั้น Leonardo ยังได้ใช้ประสบการณ์จากการเป็นนักแสดง อำนวยการสร้างสารคดี "The Eleventh Hour" และจัดงานการกุศล ประมูลงานวิจิตศิลป์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จนระดมทุนได้เกือบ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 120 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิ ถือเป็นงานการกุศลด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำรายได้สูงสุดเท่าที่เคยจัดมา อีกทั้งยังได้ใช้พื้นที่ Social Media อย่าง Instagram ที่มีผู้ติดตามกว่า 50 ล้านคน และพื้นที่สื่ออื่น ๆ ในการประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนตระหนักถึงวิกฤตต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม เห็นได้ชัด จากคำกล่าวในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 88 เพื่อรณรงค์ให้ผู้ชมตระหนักถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ว่า “การสร้างภาพยนต์ The Revenant เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ โดยปีที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้ คือ ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้การถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้จำเป็นต้องย้ายไปที่ขั้วโลกใต้ เพื่อที่จะได้ถ่ายทำกับหิมะ นั่นทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องจริง และถือเป็นภัยคุกคามที่เร่งด่วนที่สุดที่ทุกคนต้องเผชิญ ทุกภาคส่วนต้องทำงานร่วมกัน และเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้”
.
การทำเพื่อสังคมของ Leonardo ยังส่งผลให้เขาได้รับรางวัล Clinton Global Citizen Award ในปี พ.ศ. 2557 และได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม อย่าง World Wildlife Fund, Natural Resources Defense Council และองค์กรอื่น ๆ อีกมากมาย รางวัลเหล่านี้อาจเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จในการช่วยผลักดันด้านสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่แท้จริงของ Leonardo ไม่ใช่รางวัลแต่เป็นผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นต่อผู้คน ธรรมชาติ และสัตว์โลก จากการใช้ความรู้ ความสามารถ และความเป็นผู้นำของเขาในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หากทุกคนร่วมลงมือเพื่อแก้ปัญหาแบบเดียวกันกับ Leonardo ก็จะสามารถเป็นทุกคนที่ดีกว่า เพื่อโลกที่ดีกว่าได้ในที่สุด
.
Analyzed by BRANDigest
.
Comments