ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะมี COVID-19 หรือไม่ก็ตาม การพัฒนาเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กรก้าวไปสู่สถานะที่ดีกว่าอยู่เสมอ
หลายธุรกิจที่เกิดมาจนอยู่ตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านการสร้างรายได้ การบริหารจัดการคนหรือกระบวนการ การส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ลูกค้า ฯลฯ อาจให้ความฺสำคัญกับการทำอะไรก็ตามที่ทำอยู่ในทุกวันให้ดีที่สุด รักษามาตรฐานไว้ จนลืมฉุกคิดไปว่า มีอะไรอีกไหมที่ยังไม่เคยทำ มีอะไรอีกไหมที่สามารถพัฒนาได้ โดยต่อยอดจากสิ่งที่เป็นและสิ่งที่มี แล้วพาธุรกิจไปทำอะไรที่ไม่เคยทำ ไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน โดยสามารถเริ่มต้นได้จากการพัฒนา...
1. ช่องทางในการเติบโต
สิ่งที่ธุรกิจต้องเจอแน่นอนในสถานการณ์เช่นนี้ คือ ผู้คนไม่เที่ยวและผู้คนอยู่กับบ้าน การที่ธุรกิจจะเข้าไปถึงลูกค้าโดยที่ไม่ต้องให้พวกเขาเดินทางมาหา คือ การเข้าถึงผ่านโลกออนไลน์ ก่อนหน้านี้การใช้ช่องทางออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ของภาคธุรกิจมักเป็นเพียงแค่ส่วนที่สนับสนุน หรือเป็นแค่เครื่องมือในการทำการตลาด แต่ช่วง COVID-19 นั้น ช่องทางออนไลน์ แทบจะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ การค้นหา การซื้อ การตัดสินใจ ทั้งหมดเกิดขึ้นบนช่องทางออนไลน์ทั้งสิ้น เราอาจเคยได้ยินแนวคิดทางการตลาดแบบ O2O หรือ Online to Offline กลับไปมา ตอนนี้เรากำลังจะได้เห็นการเติบโตแบบเบ็ดเสร็จด้วยช่องทางออนไลน์
ในท้ายที่สุด การที่ผู้คนอยู่บ้าน ก็ใช่ว่าธุรกิจจะไม่เกิด ในทางกลับกัน มันกลับทำให้ธุรกิจแพลตฟอร์ม (Platform) และธุรกิจเดลิเวอรี่ (Delivery) เติบโตมหาศาล ผู้คนจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น เพราะพวกเขาไม่สามารถเปรียบกับปัจจัยในโลกออฟไลน์ได้ คำถามที่สำคัญ คือ ธุรกิจของคุณจะไปอยู่ในโลกออนไลน์ได้อย่างไร และใครจะเป็นคนนำส่งมันไปยังลูกค้าที่บ้าน ทั้งหมด คือ สิ่งที่ธุรกิจต้องพัฒนาและออกแบบใหม่ให้กับลูกค้า
2. พนักงาน
ไม่ว่าจะ Work from Home หรือ Work from Office แน่นอนว่าพนักงานไม่สามารถทำงานได้ตลอดช่วงเวลาทำงานแน่ ๆ แต่แค่บรรยากาศในการ Work from Home อาจทำให้พวกเขามีอิสระมากกว่า แต่ก็โดนรบกวนจากสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ง่ายกว่าเช่นกัน สิ่งที่องค์กรควรจะทำให้ Work from Home เป็นอะไรที่เกิดประโยชน์ก็คือ การพัฒนาพนักงาน อาจเป็นการสนับสนุนให้พวกเขาได้มีโอกาสฝึกทักษะที่เวลาดำเนินธุรกิจแบบปกติไม่สามารถทำได้ หรือหากองค์กรไหนที่มีวัฒนธรรมในการทำงานเป็นแบบไซโล (Silo) ก็อาจถือโอกาสนี้ในการกระจายความรู้จากคนหนึ่งไปสู่อีกคน จากฝ่ายหนึ่งไปสู่อีกฝ่าย เพื่อให้พนักงานได้พัฒนาความรู้ความเข้าใจ ทั้งต่อตัวตน วิธีคิด กระบวนการ หรือเนื้องานของธุรกิจได้มากขึ้น
เพราะสุดท้าย ธุรกิจควรมองคนหนึ่งคนเป็นหนึ่งจิกซอว์ขององค์กรที่มีความสามารถหลากหลาย สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้ในทุกมิติ และควรเป็นการพัฒนาบนโจทย์ของการทำให้พนักงานกลายเป็น “คนที่เก่งขึ้น” ไม่ใช่กลายเป็นแค่ “คนที่ทำงานเก่งขึ้นเท่านั้น”
3. ตนเอง
สิ่งที่ธุรกิจควรจะทำให้ได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ คือ การสร้างกรณีศึกษาในแบบฉบับของตัวเอง เพราะนักธุรกิจรุ่นใหม่ส่วนใหญ่รู้จักแต่การดำเนินธุรกิจแบบ Business as Usual ซึ่งก็คือ ไม่เคยโดนบททดสอบที่เหนือความคาดหมาย แค่ต้องสู้และแข่งขันกันในเกมธุรกิจ แต่วันนี้ เราไม่ได้กำลังแข่งกันเอง แต่เรากำลังเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่เราไม่มีอำนาจใด ๆ ในการควบคุม เหตุการณ์ตลอดช่วง 3-4 เดือนนี้ สอนบทเรียนราคาแพงสำหรับเราว่าไม่มีอีกแล้วธุรกิจแบบเดิม มีแต่ #BusinessAsUnusual ที่เราต้องปรับตัว และเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เมื่อไหร่ที่เราหยุดพัฒนา ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่ที่เดิม แต่อาจกลายเป็นเราถอยหลัง เพราะมีธุรกิจมากมายที่กำลังเดินไปเรื่อย ๆ หรือบางธุรกิจอาจกำลังวิ่งอยู่ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่กำลังต้องเผชิญกับวิกฤต หรืออยู่ในช่วงที่ธุรกิจกำลังไปได้สวย การพัฒนาจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปอยู่ในสถานะที่ดีกว่าได้ไม่ว่าธุรกิจนั้นจะดำรงอยู่มานานแค่ไหนแล้วก็ตาม
Comments